วันศุกร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2559

อาจารย์ศิลป์ กับ ลูกศิษย์ (ตอน3)


โดย ประยูร อุลุชาฎะ

ทัณฑกรรมของอาจารย์ศิลป์

ในปีที่สาม ทุกคนจะต้องปั้นรูปคนเต็มตัว เป็นงานสำคัญถือเป็นการสอบด้วย แต่ละคนเขาก็ปั้นรูปขนาดพอดี คือรูปคนหัวเท่าลูกมะขวิดกำลังดี ขึ้นโครงง่าย

แต่ตัวเราสองคนกับไพบูย์ สุวรรณ์กูฏ อวดดีจะปั้นรูปใหญ่ ไพบูลย์ดีหน่อยปั้นรูปขนาดใหญ่สองเท่าของคนอื่น ตัวข้าพเจ้าตอนนั้นไฟแรง อยากจะปั้นให้ใหญ่กว่าตัวจริง ก่อนหน้าจะปั้นสองวัน อุตสาห์เตรียมการ โดยทุบดิน เอาน้ำพรมดิน เตรียมดัดเหล็กขึ้นโครงจนสำเร็จ พวกเพื่อนๆเขาก็ไม่ว่าอะไร อยากปั้นรูปใหญ่หาเรื่องลำบากก็ช่างมัน อาจารย์แสวง สงฆ์มั่งมี ท่านไม่กล้าพูด แต่ท่านกล่าวคำอุปมาอุปมัยไว้มาก เป็นทำนองว่าควรเป็นรูปเล็กๆ จะดีกว่า ไม่เหนื่อย

แต่เราเองปักใจเสียแล้ว ดินก็เตรียมการไว้แล้ว ไม่เอาเปรียบใคร พอเริ่มลงมือปั้นก็ผูกลวด ใส่ครอสพอกดิน แต่ละคนก็เหน็ดเหนื่อย ไม่มีใครสนใจใคร อาจารย์แสวงผู้สอนปั้น แม้ท่านจะเตือนแล้ว แต่เราไม่ยอมฟังท่าน ท่านก็ปรานีกับเรา ก็ช่วยมาให้คำแนะนำเหมือนคนอื่นๆท่านไม่ถือในความดื้อรั้นของเรา

งานชิ้นนี้ทำความเหนื่อยยากให้มาก เคยท้อแท้อยากจะยุบแล้วขึ้นรูปใหม่เป็นรูปเล็กๆตามเพื่อน แต่ทิฐิมานะเราค่อนข้างแรง ก็ทนทำต่อไป ปั้นไปได้สองอาทิตย์แล้ว อาจารย์ศิลป์ พีระศรี ท่านเข้ามาตรวจงาน ท่านไปช่วยแก้งานของคนอื่นหมด แต่ท่านไม่เข้ามาตรวจดูงานของเราเลย อาจจะเป็นเพราะขัดคำสั่งท่าน การที่เราปันรูปขนาดใหญ่ก็เพราะไม่เห็นมีคำสั่งห้ามไว้

อาจารย์ศิลป์ ท่านเข้ามาตรวจงานอีกสองสามครั้ง ก็ไม่ยอมเข้ามาดูงานที่เราปั้นอีกเลย ตอนนี้ชักกำลังใจตก ด้วยทราบว่ารูปปั้นชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งในการชี้เป็นชี้ตายว่าจะเผ่านการสอบปีที่สามได้หรือไม่ เพื่อนเขาคงจะมองเห็นอนาคตของเราได้ลางๆแล้ว

วันสุดท้าย ปั้นกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนหมดเวลา ห้าโมงเย็น ทุกคนต้องออกจากห้องหมด คณะอาจารย์ประมาณ 2-3 คน พร้อมกับอาจารย์ศิลป์ก็เข้ามาตรวจงาน วันนั้นใจคอเต็นแรง เมื่อคณาจารย์ผู้ตรวจงานออกจากห้องไปในเวลา 6โมงเย็น เป็นเวลาค่ำ เพื่อนมาบอกว่างานของเราสอบผ่านได้ และได้คะแนนดีพอใช้ อาจารย์ฝรั่งให้ทุกคนที่อยากจะหล่อรูปปั้นของตนเองรีบหล่อไว้ แล้วให้รื้อดินกับเหล็กออก เพราะอีกสองวันนักศึกษาชั้นอื่นเขาจะเข้าเรียนปั้นโดยปกติ แต่มีคำสั่งไม่ให้ใครช่วยเรารื้อดิน รื้อเหล็ก เมื่อไม่ให้ใครช่วย เราก็รือคนเดียว ขนดินคนเดียว นั่นเป็นการลงโทษฐานขัดคำสั่งครูบาอาจารย์ นึกในใจว่า ครูทุกท่านยังคงปรานี ไม่เอาเราตกก็นับว่าเป็นบุญแล้ว โทษแค่นี้ก็ต้องยอมรับโดยไม่ปริปาก

นับแต่นั้นมา ท่านอาจารย์ศิลป์ท่านก็มักจะพูดกับใครต่อใครว่า นายประยูรเขาเป็นคนดื้อ เคยมีเพื่อนดูเหมือนจะเป็นไพบูลย์ เขาอุ้มลูกคนโตของเราเข้าไปหาอาจารย์ศิลป์ แล้วลูกไปหยิบไม้ปั้นของท่านไม่ยอมคืน ใครไปกะมือก็เอาหัวโขกกระดานใกล้ๆ อาจารย์ศิลป์ท่านหัวเราะ ท่านว่าเขาดื้อเหมือนพ่อ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น